ศาลเจ้าพ่อช้างงาแดง
หมู่ที่ 1 ต.น้ำมวบ
กาลครั้งหนึ่ง ในป่าบนดอยสูง (
ปัจจุบันอยู่ขุนน้ำพาง ตำบลน้ำพาง อ.แม่จริม) ได้มีพญาขอมตนหนึ่ง
มีชื่อว่าเจ้าพญาขอมหลวง ได้ปกครองอยู่ และมีบุตร 1 คน ชื่อเจ้าพ่อช้างงาแดง
พอเติบใหญ่ ได้แต่งงานกับนางบัวเขียว อยู่ขุนน้ำมวบทางทิศเหนือ(น้ำมวบเหนือ )
และได้พากันมาอยู่กับเจ้าพญาขอมหลวง จนมีบุตร 1 คน ชื่อ เจ้าคำแดงต่อมาเห็นว่า
เจ้าพ่อช้างงาแดง สามารถปกครองลูกหลานและบริวารต่าง ๆ ได้ดีเจ้าพญาขอมหลวง
จึงได้ยกทรัพย์สมบัติพร้อมเขตปกครองและบริวารทั้งหมดให้
เจ้าพ่อช้างงาแดงและเจ้าคำแดง ปกครองต่อไป
พอเจ้าคำแดง
โตเป็นหนุ่ม เจ้าพ่อช้างงาแดง จึงให้ไปปกครอง ที่บ้านใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง
ประเทศลาว ( อยู่ทางทิศใต้บ้านน้ำมวบ) จนได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้ากุหลุกุหล่ม
ที่บ้านใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว หลังจากเจ้าคำแดง
ได้แต่งงานและปกครองอยู่ที่บ้านใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว
จนเจริญรุ่งเรือง จึงได้กลับมาดอยปู่ล้น เพื่อมอบสมบัติที่เป็นของตนเองทั้งหมดให้เจ้าพ่อช้างงาแดง
ผู้เป็นพ่อ มีน้ำหนักทั้งหมด สองล้านบาทตาชั่งให้ดูแลต่อไป
ต่อมาได้มีจีนฮ่อยกทัพมาตีประเทศลาว เจ้าคำแดงเกรงว่าสงครามจะลุกลามมาถึงใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว ที่ตนเองปกครองอยู่ จึงมาขอให้เจ้าพ่อช้างงาแดง ขอกำลังทหารจากเจ้าชีวิต เมืองน่าน( เมืองนันทบุรี ในสมัยรัชกาลที่ 6 ) เจ้าชีวิตเมืองน่าน ได้มอบหมายให้เจ้าหลวงสา เลือกคนดีมีฝีมือจากอำเภอสา ได้จำนวน นาย 4 นาย ประกอบด้วย ทหารเอกเจ้าน้อยนันตา ท้าวจอมใจเหล็ก ท้าวแสนหาญคำเป็ก และพญาปราบ มาช่วยเจ้าคำแดง ปราบจีนฮ่อจนแตกหนีไป
ด้วยความเป็นห่วงลูกจะได้รับอันตรายและกลัวจีนฮ่อจะรุกรานอีก
เจ้าพ่อช้างงาแดง จึงไปขอให้เจ้าคำแดง พร้อมภรรยา ( ไม่มีบุตร)
กลับมาอยู่ด้วยกันที่ดอยปู่ล้น จนหมดยุคเนื่องจากไม่มีบุตรสืบทอด
หลังจากช่วยรบสงครามสงบ
ท้าวจอมใจเหล็ก และท้าวแสนหาญคำเป็ก ซึ่งอาศัยบ้านขึ่ง อำเภอสา
ได้มาล่าสัตว์และหาของป่าบริเวณป่าบ้านน้ำมวบ โดยทำเพิงพักชั่วคราวประมาณ 2 -3 วัน
จนได้สัตว์และของป่าเป็นที่พอใจจึงเดินทางกลับ เป็นเช่นนี้ตลอดไป
จนรู้จักและคุ้นเคยผืนป่าแห่งนี้เป็นอย่างดีถึงความอุดมสมบูรณ์ต่าง ๆ
จึงได้ปรึกษาหารือกับครอบครัวและญาติพี่น้อง
เพื่อย้ายครอบครัวมาอาศัยอยู่เป็นการถาวร ทั้งนี้เพื่อความสะดวก ในการล่าสัตว์และการประกอบอาชีพ
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2218
จึงได้พากันอพยพครอบครัวมาตั้งรกราก อยู่ที่ป่าบ้านน้ำมวบและได้ชักชวนญาติ
พี่น้องให้อพยพครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน พร้อมได้สร้างศาลเพียงตา ( หอศาลลานคำ)
ขึ้นมา 1 หลัง พร้อมอัญเชิญเจ้าพ่อช้างงาแดง พร้อมบริวารทั้งหมดมาอาศัยอยู่
เพื่อช่วยปกปักรักษาทั้งบุคคล สัตว์เลี้ยง พาหนะ และอื่น ๆ
โดยที่ชาวบ้านทั้งหมดให้สัญญาว่า ในทุกวันพระจะไม่ไปทำการเกษตร จะไม่ตักน้ำ
จะไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ จะพูดแต่สิ่งดี ๆ โดยศาลเพียงตา (
หอศาลลานคำ) ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำมวบ จนถึงปัจจุบัน จนกระทั่งได้มีผู้คนอพยพมาเพิ่มเติมและประชากรเพิ่มจำนวนมากขึ้น
จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงสถานที่ และขยายศาลเจ้าพ่อช้างงาแดงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
ตลอดจนได้สร้างศาลบริเวณเดียวกัน ประกอบด้วย ศาลเจ้าคำแดง (บุตร)
ศาลเจ้าปิจหนูกั๋น ( หมอ ) และได้สร้างศาลขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นห้อง ๆ
แล้วอัญเชิญดวงวิญญาณบริวารมาอาศัยอยู่แต่ละห้อง ประกอบด้วย เจ้าแสนด่าน(คนนำทาง)
เจ้าพยาพาน( คนนำทาง) เจ้าขุนหาร(ทหาร) เจ้าพยาแก้ว(ทหาร)เจ้าตี่ (ทหาร)
เจ้าเครือมะนำฮูง (ทหาร)พร้อมสร้างอาคารชำแหละ อาคารประกอบอาหาร ห้องสุขา น้ำประปา
ไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ตอบลบ