วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แหล่งเรียนรู้อำเภอเวียงสา

ศาลเจ้าพ่อช้างงาแดง หมู่ที่ 1 ต.น้ำมวบ
                กาลครั้งหนึ่ง ในป่าบนดอยสูง ( ปัจจุบันอยู่ขุนน้ำพาง ตำบลน้ำพาง อ.แม่จริม) ได้มีพญาขอมตนหนึ่ง มีชื่อว่าเจ้าพญาขอมหลวง ได้ปกครองอยู่ และมีบุตร 1 คน ชื่อเจ้าพ่อช้างงาแดง พอเติบใหญ่ ได้แต่งงานกับนางบัวเขียว อยู่ขุนน้ำมวบทางทิศเหนือ(น้ำมวบเหนือ ) และได้พากันมาอยู่กับเจ้าพญาขอมหลวง จนมีบุตร 1 คน ชื่อ เจ้าคำแดงต่อมาเห็นว่า เจ้าพ่อช้างงาแดง สามารถปกครองลูกหลานและบริวารต่าง ๆ ได้ดีเจ้าพญาขอมหลวง จึงได้ยกทรัพย์สมบัติพร้อมเขตปกครองและบริวารทั้งหมดให้ เจ้าพ่อช้างงาแดงและเจ้าคำแดง ปกครองต่อไป
พอเจ้าคำแดง โตเป็นหนุ่ม เจ้าพ่อช้างงาแดง จึงให้ไปปกครอง ที่บ้านใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว ( อยู่ทางทิศใต้บ้านน้ำมวบ) จนได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้ากุหลุกุหล่ม ที่บ้านใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว หลังจากเจ้าคำแดง ได้แต่งงานและปกครองอยู่ที่บ้านใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว จนเจริญรุ่งเรือง จึงได้กลับมาดอยปู่ล้น เพื่อมอบสมบัติที่เป็นของตนเองทั้งหมดให้เจ้าพ่อช้างงาแดง ผู้เป็นพ่อ มีน้ำหนักทั้งหมด สองล้านบาทตาชั่งให้ดูแลต่อไป
  
             
 ต่อมาได้มีจีนฮ่อยกทัพมาตีประเทศลาว เจ้าคำแดงเกรงว่าสงครามจะลุกลามมาถึงใหม่สว่าง ตำบลเมืองทุ่ง ประเทศลาว ที่ตนเองปกครองอยู่ จึงมาขอให้เจ้าพ่อช้างงาแดง ขอกำลังทหารจากเจ้าชีวิต เมืองน่าน( เมืองนันทบุรี ในสมัยรัชกาลที่ 6 )  เจ้าชีวิตเมืองน่าน ได้มอบหมายให้เจ้าหลวงสา เลือกคนดีมีฝีมือจากอำเภอสา ได้จำนวน นาย 4 นาย ประกอบด้วย ทหารเอกเจ้าน้อยนันตา ท้าวจอมใจเหล็ก ท้าวแสนหาญคำเป็ก และพญาปราบ มาช่วยเจ้าคำแดง ปราบจีนฮ่อจนแตกหนีไป
                ด้วยความเป็นห่วงลูกจะได้รับอันตรายและกลัวจีนฮ่อจะรุกรานอีก เจ้าพ่อช้างงาแดง จึงไปขอให้เจ้าคำแดง พร้อมภรรยา ( ไม่มีบุตร) กลับมาอยู่ด้วยกันที่ดอยปู่ล้น จนหมดยุคเนื่องจากไม่มีบุตรสืบทอด
หลังจากช่วยรบสงครามสงบ ท้าวจอมใจเหล็ก และท้าวแสนหาญคำเป็ก ซึ่งอาศัยบ้านขึ่ง อำเภอสา ได้มาล่าสัตว์และหาของป่าบริเวณป่าบ้านน้ำมวบ โดยทำเพิงพักชั่วคราวประมาณ 2 -3 วัน จนได้สัตว์และของป่าเป็นที่พอใจจึงเดินทางกลับ เป็นเช่นนี้ตลอดไป จนรู้จักและคุ้นเคยผืนป่าแห่งนี้เป็นอย่างดีถึงความอุดมสมบูรณ์ต่าง ๆ จึงได้ปรึกษาหารือกับครอบครัวและญาติพี่น้อง เพื่อย้ายครอบครัวมาอาศัยอยู่เป็นการถาวร ทั้งนี้เพื่อความสะดวก ในการล่าสัตว์และการประกอบอาชีพ

                จนกระทั่งปี พ.ศ. 2218 จึงได้พากันอพยพครอบครัวมาตั้งรกราก อยู่ที่ป่าบ้านน้ำมวบและได้ชักชวนญาติ พี่น้องให้อพยพครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน พร้อมได้สร้างศาลเพียงตา ( หอศาลลานคำ) ขึ้นมา 1 หลัง พร้อมอัญเชิญเจ้าพ่อช้างงาแดง พร้อมบริวารทั้งหมดมาอาศัยอยู่ เพื่อช่วยปกปักรักษาทั้งบุคคล สัตว์เลี้ยง พาหนะ และอื่น ๆ โดยที่ชาวบ้านทั้งหมดให้สัญญาว่า ในทุกวันพระจะไม่ไปทำการเกษตร จะไม่ตักน้ำ จะไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ จะพูดแต่สิ่งดี ๆ โดยศาลเพียงตา ( หอศาลลานคำ) ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำมวบ จนถึงปัจจุบัน จนกระทั่งได้มีผู้คนอพยพมาเพิ่มเติมและประชากรเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงสถานที่ และขยายศาลเจ้าพ่อช้างงาแดงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตลอดจนได้สร้างศาลบริเวณเดียวกัน ประกอบด้วย ศาลเจ้าคำแดง (บุตร) ศาลเจ้าปิจหนูกั๋น ( หมอ ) และได้สร้างศาลขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นห้อง ๆ แล้วอัญเชิญดวงวิญญาณบริวารมาอาศัยอยู่แต่ละห้อง ประกอบด้วย เจ้าแสนด่าน(คนนำทาง) เจ้าพยาพาน( คนนำทาง) เจ้าขุนหาร(ทหาร) เจ้าพยาแก้ว(ทหาร)เจ้าตี่ (ทหาร) เจ้าเครือมะนำฮูง (ทหาร)พร้อมสร้างอาคารชำแหละ อาคารประกอบอาหาร ห้องสุขา น้ำประปา ไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน

1 ความคิดเห็น: